การเพาะเห็ดในไม้วงศ์ยาง
ไม้วงศ์ยาง (DIPTERO CARPACEAE) ส่วนมากเป็นไม้ต้นขนาดใหญ่ และมีคุณค่าทางเศรษฐกิจ มากอีกวงศ์หนึ่ง ลำต้นมักมีชัน หรือน้ำยางมีกลิ่นเฉพาะตัว พบกระจายอยู่ทั่วไปในประเทศ เช่น ป่าเต็งรัง ป่าเบญจพรรณ ป่าดิบแล้ง ป่าดิบชื้น ฯลฯ ดอกผลโดยมากจะมีปีก ไม้วงศ์ยางที่เหมาะสมในการเกิดเห็ด ระโงก ในพื้นที่ภาคอีสานได้แก่ ยางนา ตะเคียนทอง กระบาก รัง พะยอม เป็นต้น
เห็ดราไมคอร์ไรซ่า
เอคโตไมคอร์ไรซ่า (Ectomycorrhiza) คือเห็ดรา ไมคอร์ไรซ่า ที่อาศัยอยู่บริเวณเซลล์ผิว ของรากภายนอกของพืชหรือต้นไม้ เส้นใยของเชื้อราจะประสานจับตัวกันแน่น ภายนอกผิวราก คล้ายรากฝอยมีสีต่างๆ เช่น สีขาว สีทอง สีเหลือง สีน้ำตาล สีแดง สีดำ ฯลฯ เห็ดอยู่ร่วมกันกับรากพืชแบบได้ประโยชน์ซึ่งกันและกัน เห็ดได้กินของเหลวที่ขับมาจากรากพืช พืชได้รับประโยชน์จากน้ำย่อยของเห็ด ช่วยละลายแร่ธาตุ ในดินออกมาเป็นปุ๋ย เส้นใยเห็ดห่อหุ้มราก พืชให้ใหญ่ขึ้นซึมซับน้ำในดินได้ดี หากมีความชื้นมากพอเห็ดจะเกิดดอก ให้เราเก็บนำมารับประทานได้
ขั้นตอนการเพาะเห็ดระโงก
- นำเห็ดระโงกที่แก่จัดมาขยี้กับน้ำให้ละเอียด
- นำน้ำสปอร์ที่ได้หยอดในถุงเพาะหรือแปลงไม้วงศ์ยางที่มีอายุ 3-5 ปี
- หลังหยอดเชื้อรา ประมาณ 1-2 ปี เห็ดระโงกจะเริ่มเกิด
ข้อควรปฏิบัติในการปรับสภาพแวดล้อม
- ห้ามใช้สารเคมีในพื้นที่โดยเด็ดขาด
- ปริมาณแสงที่ส่องลงพื้นไม่น้อยกว่า 50 %
- ปริมาณใบไม้แห้งที่ทับถมไม่เกิน 2 นิ้ว
ข้อมูลการดำเนินการธนาคารอาหารชุมชน (การเพิ่มปริมาณเห็ดป่าในไม้วงศ์ยาง)
* เห็ดป่าราคากิโลกรัมละ 200 บาท
มูลค่าผลผลิตจากไม้ป่า / ไม้ยืนต้น เป็นเงินสะสม
เกร็ดความรู้เกี่ยวกับเห็ด
เห็ดป่าที่ชาวบ้านนิยมเก็บมาบริโภคมีหลายชนิด ได้แก่ เห็ดเผาะ เห็ดผึ้ง เห็ดระโงก และ เห็ดโคน เป็นต้น ซึ่งเห็ดดังกล่าวเป็นเอคโตไมคอร์ไรซ่าของป่าไม้วงศ์ไม้ยาง เช่น ยางนา เต็ง รัง และ เหียง เป็นต้น เส้นใยส่วนใหญ่ของเห็ดป่าจะเจริญบริเวณรอบปลายรากพืช ช่วยย่อยสลายอินทรียวัตถุให้อยู่ในสภาพที่ดูดซึมไปใช้ง่ายทำให้พืชมีอัตราการเจริญสูงขึ้น ทนแล้งและต้านทานโรคมากขึ้น ส่วนเห็ดได้รับวิตามิน กรดอะมิโน และฮอร์โมนจากรากพืช ในปัจจุบันป่าไม้ของไทยลดจำนวนลงอย่างรวดเร็วประกอบกับวิกฤตสภาวะโลกร้อนก่อให้เกิดความเสียหายหลายด้านโดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบนิเวศของพืชและสัตว์ป่า เห็ดป่าเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งที่ได้รับผลกระทบนี้โดยตรง โครงการศูนย์พัฒนาการเกษตรภูสิงห์จังหวัดศรีสะเกษ (กรมป่าไม้) จึงได้มีการศึกษาข้อมูลและการขยายเชื้อเห็ดในไม้วงศ์ยางขึ้น โดยนำเชื้อเห็ดระโงกเหลือง เห็ดป่าทั่วไป ที่ดอกแก่จัดนำมาปัน หรือขยี้ให้สปอร์แตก แล้วนำไปโรยบริเวณรากของไม้ยางนา เมื่อระยะเวลาผ่านไป 1 ปี สามารถเก็บเห็ดในพื้นที่ได้ช่วงฤดูฝน เห็ดส่วนใหญ่จะเป็นเห็ดระโงก
ชื่อสามัญ เห็ดไข่ เห็ดระโงกเหลือง
ชื่อวิทยาศาสตร์ Amanita hemibapha (Berk. Et Broome) Sacc subsp javanica Corneret Bas
ชื่อวงศ์ AMANITACEAE
รูปร่าง-ลักษณะ
ลักษณะสัณฐานวิทยา : ดอกเห็ดอ่อนมีเยื่อหุ้มหนา รูปกลมหรือรูปไข่ ขนาด 3-4×3-5 เซนติเมตร เมื่อเจริญขึ้นผิวด้านบนปริแตกออกเป็นรูปถ้วย หมวกเห็ดรูปไข่ สีน้ำตาลอมส้มหรือน้ำตาลอมเหลือง เมื่อกางออกจะเป็นรูปกระทะคว่ำแล้วแบนราบ เส้นผ่าศูนย์กลาง 6-12 เซนติเมตร ผิวเรียบเป็นมันและหนืดมือเมื่ออากาศชื้น ขอบเป็นริ้วยาว 0.5-1 เซนติเมตร โดยรวมเห็นชัดเจนตั้งแต่โผล่ออกจากเยื่อหุ้ม ครีบสีขาวนวล ไม่ยึดติดกับก้าน ก้านสีขาวนวล ยาว 5-10 เซนติเมตร เส้นผ่าศูนย์กลาง 1-3 เซนติเมตร ภายในสีขาวมีรูกลวง แอนนูลัส เป็นแผ่นบางสีขาวห้อยติดอยู่บนก้าน ลักษณะสปอร์ : รูปวงรี ผิวเรียบ ผนังบาง
ลักษณะวิสัย/ประเภท จุลินทรีย์ › เห็ด
ฤดูการที่พบ ฤดูฝน (พฤษภาคม-มิถุนายน)
การใช้ประโยชน์ รับประทานได้
วิธีการนำไปใช้ประโยชน์: ประกอบอาหาร
แหล่งที่พบ ป่าเต็งรัง ป่าเบญจพรรณ ป่าดิบแล้ง
ลักษณะทางกายภาพ : พบในบริเวณที่คอนข้างชื้น อุณหภูมิ 30ºC ความชื้นสัมพัทธ์ 94% pH 7 ความเข้มแสง 142 Lux หลังฝนตก 2-3 วัน มีแดดออกอากาศร้อนอบอ้าว ในช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน ลักษณะการเกิด : ขึ้นเป็นดอกเดี่ยวหรือเป็นกลุ่ม 4-5 ดอก กระจายอยู่ทั่วไปในป่าเต็งรัง ป่าเบญจพรรณ ป่าดิบแล้ง
แปลงต้นแบบภายในกิจกรรมป่าไม้